เครื่องตัวแรงจาก TOYOTA
เริ่มจากเครื่องรหัส 1G ก่อนนครับอาจจะเป็นบล็อกเก่าไปซะแล้ว เมื่อเครื่องตระกูล JZ กำเนิดตอนต้นทศวรรษที่ 90 ทำให้ปัจจุบันนี้ตระกูล 1G-GTE ทั้งเกียร์ออโต้และเกียร์ธรรมดามีราคาขายไม่แพงมาก โดยที่ตัวเทอร์โบนั้นจะมีอัตราทดเฟืองท้ายเกียร์ธรรมดาที่ 4.566 ส่วนเกียร์ออโต้นั้นใช้ 4.3
ด้วยขนาดของลูกสูบที่ไม่เอื้อต่อการปรับแต่งให้ใช้อะไหล่กับบล็อกอื่นๆ ปัจจุบัน 1G ทั้งหลายอาจถูกนำไปวางใส่ในบอดี้รถเก่า รถคลาสสิกกันพอสมควร
บล็อกเครื่องขนาดความจุ 2,491 ซีซี ยอดฮิตจากค่ายโตโยต้าตัวนี้ มีทั้งแบบเครื่องยนต์เทอร์โบและ NA ในตัว GTE นั้นอาจเรียกขานต่างกันว่าปลั๊กหนา (ฝาบรอนซ์) และปลั๊กบาง (ฝาดำ) ถ้าเป็นตัวปลั๊กหน้านั้นเป็นเครื่องยนต์ปีต่ำกว่า 1995 เครื่องยนต์ GTE กับเครื่อง GE เกียร์ธรรมดา 5 สปีด จะมีอัตราทดเฟืองท้ายที่ 4.1 แต่ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติจะมีอัตราทดแทนเฟืองท้าย 4.038
ส่วนตัวปลั๊กบางซึ่งเป็นเครื่องปีใหม่หลังปี 1995 เกียร์ธรรมดานั้นถูกผลิตออกมาน้อย จะมีอัตราทดเท่าเดิม จะปรับในส่วนของเกียร์อัตโนมัติ ถ้าเป็นตัวปกติจะใช้ 3.909 แต่ถ้าเป็นตัว SOARER จะใช้ 3.916 เพื่อให้อัตราเร่งดีขึ้นกว่าเดิม
สามารถนำไปวางได้ในบอดี้เครื่องยนต์ขับหลังทั้งหมด ในบ้านเรานิยมวางใน A31, 200SX, BMW หรือในรถกระบะแทบทุกค่าย
บล็อกท็อปยอดฮิตของวัยรุ่นบ้านเรากับขนาดเครื่องยนต์ 2,997 ซี.ซี. ความน่าสนใจอยู่ที่ ตัวเทอร์โบที่อยู่ในบอดี้ Supra แบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด จะมีอัตราทดเฟืองท้ายที่ 3.266 แต่หากเป็นเกียร์ธรรมดา 5 สปีดปรกติ จะใช้ 4.083 ส่วนเกียร์ออโต้นั้นอยู่ที่ 3.769
ส่วนตัวไม่มีเทอร์โบนั้น แรงม้าจะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 230 ps ราคาเครื่องยนต์บล็อกนี้ 2JZ-GE เกียร์ออโต้และเกียร์ธรรมดาอยู่ที่ 40,000-45,000 บาท แต่ถ้าเป็น 2JZ-GTE เกียร์ธรรมดาจะแพงกว่าเกียร์ออโต้อยู่หมื่นกว่าบาท แต่ค่าตัวทั้งสองแบบใกล้เคียงหลักแสนบาทแล้ว
นับว่าเป็นบล็อกพันธุ์แรงที่ว่ากันว่า ลงทุนค่าสนับสนุนความแรงและค่าเสื่อมถอยถูกที่สุดในบรรดาเครื่องยนต์ระดับเดียวกัน เช่นเดียวกับ 1J ที่นิยมวางเล่นใน A31, 200SC, BMW หรือวางใน FD3S ก็เคยมี
บล็อกนี้โด่งดังถึงขั้นเคยคว้าแชมป์แรลลี่โลกมาแล้วกับ 3S ทั้งหลาย ตัวท็อปที่เรียกกันว่า ตัว NON-AIRFLOW นั้นเป็นตัวแรงที่สุดกับ 260ps ในบอดี้ CALDINA ซึ่งไม่อยากพูดถึงเครื่องตัวนี้มากนัก เพราะในบ้านเรานั้น เครื่องตัวนี้ยังไม่ค่อยมาถึงเชียงกงสักเท่าไหร่
ในบ้านเราเครื่อง 3S-GTE แบบ NON-AIRFLOW จะมีด้วยกัน 2 ตัวก็คือ ตัวขับเคลื่อนสี่ล้อ มีเฟืองท้ายขนาด 4.285 ในบอดี้ GT-4 255 แรงม้า และตัววางกลางใน MR2 245 แรงม้า ความแตกต่างที่สังเกตได้ง่ายๆ ก็คือ ที่ตัวไดชาร์จในเครื่อง GT-4 จะอยู่ด้านบน สังเกตง่าย ส่วนใจตัว MR2 ไดชาร์จจะซ่อนหลบอยู่ข้างล่าง ราคาซื้อขายสองตัวนี้แพงที่สุด ซื้อกันทั้งแพหน้าประมาณ 50,000-60,000 บาท ส่วนตัว 3S ธรรมดานั้นราคาไม่แพงมากนักจะตกอยู่ราวๆ 25,000-30,000 บาท
อาการฮิตกับเครื่อง 3S นั้น สามารถนำไปวางใส่ในรถยนต์ที่มีบอดี้พื้นฐานขับเคลื่อนล้อหน้าได้แทบทุกรุ่น เคยเห็นกันว่าวางใน เปอโยต์ ฮุนได ก็มี แต่ถ้าให้ดีต้องเล่นบอดี้ตามสายพันธุ์อย่างรถโตโยต้า CORONA หรือ COLRONA บอดี้ AE ทั้งหลายจะเหมาะที่สุด
เครื่องยนต์ขับหลังขนาด 3 ลิตร ขนาดใหญ่อีกหนึ่งบล็อก ของโตโยต้าที่เคยประจำการอยู่ใน SUPRA ตัวแรกมาก่อน เครื่อง 7M เป็นเครื่องขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก แต่ค่อยข้างทรหดอดทน ตัวท็อปนั้นให้แรงม้าสูงสุดถึง 270 ตัว มีเกียร์ธรรมดา 5 สปีดอย่างเดียว ราคาขาดตัวประมาณ 50,000- 55,000 บาท
อาจไม่ค่อยพบเห็น 7M ในห้องเครื่องรถแต่งซิ่งสักเท่าไหร่ แต่ก็สามารถวางเล่นกันได้ในเครื่องยนต์ขับหลังทุกรุ่น ถ้าไม่ใช่ปิกอัพกระบะก็น่าจะเป็นเบนซ์รุ่นเก่าๆ น่าจะดี
แต่มีอีกตัวหนึ่งที่เจ้าของกระทู้คิดว่าก็แรงไม่ใช่เล่นคือรหัสเครื่อง UZ ทั้งแบบ 1UZ และ 2UZ แต่เพราะด้วยเครื่องของทั้ง 2 รุ่นนี้เป็นเครื่องแบบV8 3,968 C.C. ในรุ่น 1UZ และ V8 4,700CC ในรุ่น 2UZ-FE จึงไม่ค่อยจะมีคนนิยมมาติดตั้งกันนะครับ(น้ำมันแพง,กินน้ำมันเหมือนเทน้ำทิ้ง)
1UZ
2UZ