หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

พี่น้องศิลปิน สี่พี่น้องตระกูล“เถาทอง”

เนื้อหาโดย tisttii

กำเนิดสี่เถาทอง 

ย้อนกลับไปราว 3-4 ทศวรรษก่อน ภายในบ้านไม้หลังเล็กๆ ในชุมชนหลังวัดสุวรรณาราม ด้านหนึ่งติดคลองบางกอกน้อย อีกด้านติดทางรถไฟหลังวัด
ชุมชนที่อาจแทนค่าด้วยคำว่า 'สลัม' ได้อย่างไม่ขัดเขิน ครอบครัว 'เถาทอง' เป็นหนึ่งในครอบครัวสมาชิกของสลัมแห่งนี้ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วย
อบายมุขนานาประการ รวมทั้งยาเสพติดที่มีอยู่เกลื่อนในชุมชน ท่ามกลางบรรยากาศอันเข้มข้นของคนในชุมชนถึงขนาดมีอาชีพ 'รับจ้างด่า'เกิดขึ้นในชุมชนแห่งนี้ 

ในครอบครัวที่พ่อทำงานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก แม่มีอาชีพค้าขาย ดูเหมือนไม่มีปัจจัยที่จะส่งเสริมให้ลูกชายทั้งสี่ ปรีชา สุชาติ สมชาย
และสุวิชาญ เถาทอง กลายเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จ หากไม่มีบุคคลสำคัญที่เข้ามาเป็นตัวแปรที่ทำให้ลูกชายตระ *** ลเถาทองหันมาสนใจศิลปะ เป็นคนเดียวกับ
ที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ 'ครูเหม เวชกร' ผู้ได้รับฉายาว่า 'จิตรกรไร้สำนักเรียน' หรือ 'จิตรกรมือเทวดา' ผู้ใช้เวลาตลอดทั้งชีวิตสร้างผลงานภาพประกอบ
เรื่องไว้กว่า 40,000 ชิ้น 

"ครอบครัวเรารู้จักกับครูเหม เวชกร ซึ่งท่านมีศักดิ์เป็นลุงของพวกเรา ผมก็ไปเรียนกับท่าน ทางพ่อแม่แม้ท่านจะมีอาชีพทางค้าขายท่านก็ไม่ได้ห้าม พอมาเรียน
มัธยมก็มาเจอครูที่จบเพาะช่างมาอีก และด้วยความที่ชอบวาดเขียน ชอบเขียนการ์ตูน ผมมีอาชีพเสริมคือเปิดร้านเช่าหนังสือการ์ตูน สมัยนั้นก็จะมีเรื่องอัศวินสายฟ้า
เดชไพรวัลย์ มังกรสามหัว เวลามีคนมาเช่าอ่านเราก็เขียนรูปตัวเอกของการ์ตูนแจกไปด้วย น้องก็มานั่งช่วยเราก็ช่วยเขียนรูปด้วย หรือบางครั้งไปรับจ้างเขียน
คัทเอาท์หนัง ผมก็ให้น้องช่วยผสมสี ตีสเกล คนไหนทำอะไรได้ก็ทำไป ผมก็ร่างภาพ วางองค์ประกอบ ลงพื้น เสร็จแล้วเราก็มานั่งเก็บรายละเอียด หรือมีงานทำ
ภาพประกอบหนังสือหรือรับจ้างเขียนคัทเอาท์งานวัดก็มาช่วยกัน แล้วก็แบ่งสันปันส่วนกัน ก็เป็นการเชื่อมโยงความรักในศิลปะทั้งครอบครัว" ปรีชา อธิบายถึง
ความงอกงามทางศิลปะในครอบครัวเถาทอง

ขณะที่ สุชาติ น้องคนรองมองว่า "ครอบครัวเรา พ่อทำงานการไฟฟ้าที่เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก แม่ก็ค้าขายธรรมดา ก๋วยเตี๋ยว กวยจั๊บ ขายอาหาร ก็ไม่ได้เก่งศิลปะอะไร
แต่พ่อมีรสนิยมทางดนตรี ชอบดนตรีไทย แล้วก็ชอบทางช่างนิดหน่อย ก็อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้ลูกๆ บ้างในการซึมซับศิลปะ แต่ที่มีอิทธิพลมากคือครูเหม พอพ่อเห็น
ว่าพี่ชายมีความถนัดด้านนี้มากก็เลยให้ไปฝึกกับครูเหม ตอนนั้นพี่ชายไปเรียนเป็นหลัก คนอื่นๆ ก็เรียนรู้จากพี่ชายต่อ ครูเหมจะมีขั้นตอนในการเขียนรูปที่ชัดเจน
ตั้งแต่ขึ้นรูป แต่งรายละเอียด เราก็ลองทำดู การเรียนรู้อันนี้เริ่มตั้งแต่ประถม มัธยมเรื่อยมา สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ พัฒนาการทำงานและความสนใจศิลปะของเรา" 

จากความชอบ ค่อยๆ กลายเป็นความรัก จนในที่สุด ลูกชายบ้านนี้ต่างก็ใฝ่ฝันอยากเรียนต่อด้านศิลปะก่อนจะไปลงเอยที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์
มหาวิทยาลัยศิลปากรกันทุกคน แม้พ่อแม่จะต้องการให้ไปเรียนสาขาอื่นบ้าง แต่พี่น้องต่างยืนกรานจะมาทางศิลปะกันหมด ทำให้พ่อแม่ต้องตามใจในที่สุด


 

  อ. ปรีชา เถาทอง

 ปรีชา ผู้พี่สร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมไทยที่มีความร่วมสมัย โดยเฉพาะผลงานชุด 'แสงเงา' ที่ทำให้ปรีชาได้รับรางวัลเกียรตินิยมอันดับ 1
เหรียญทองประเภทจิตรกรรม จากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 23 พ.ศ. 2519 เป็นผลงานที่ทำให้หลายคนรู้จักชื่อของปรีชา เถาทอง จนกระทั่งทำให้เขา
ถูกเรียกว่า 'ปรีชา แสงเงา' ในบางโอกาส 

 

อ.สุชาติ เถาทอง

 

ขณะที่สุชาติ น้องคนรองซึ่งปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์ประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เล่าว่า เขาเลือกทำงานจิตรกรรมสีน้ำ ซึ่งเขาอธิบายว่าเป็นเทคนิคที่
ชอบมาตั้งแต่สมัยเรียน และเป็นเทคนิคการทำงานศิลปะที่อาจจะเรียกได้ว่าเขาประสบความสำเร็จมากที่สุด ทำให้เขาเลือกทำงานในแนวทางนี้อย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ควบคู่ไปกับการทำงานในเชิงวิชาการศิลปะ เช่น ตำราและงานวิจัยด้านศิลปะหลายเรื่อง 

"การทำงานสีน้ำสามารถทำได้เร็ว เห็นผลเร็ว สามารถเสร็จได้ในช่วงเวลา 2-3 ชั่วโมง เราจะมีความสุขกับการได้ทำงาน การจับสีน้ำตอบสนองความต้องการพื้นฐาน
ตรงนี้ได้ดีมาก โดยเฉพาะช่วงหลังผมไม่ค่อยมีเวลาทำงานต่อเนื่องมากนักเพราะมีภารกิจที่ต้องเข้าไปดูแลด้านการบริหาร การดูแลหอศิลป์ การทำงานที่ต้องตั้งเฟรมเขียนยาวๆ
มันจะไม่เสร็จ การใช้สีน้ำมันสามารถทำได้เห็นผลได้ไม่นาน ก็เลยใช้สีน้ำเป็นสื่อในการทำงานตลอด ทำให้มีความรู้สึกรักในเทคนิคและสื่อที่ตรงใจการแสดงออกทางความคิด
ได้ง่ายและตรงไปตรงมา อีกอย่างสีน้ำมันมีภาษาที่แสดงถึงความสดใส ชีวิต การเลื่อนไหล การกระจาย การซ้อนทับ นี่คือลักษณะพิเศษที่ทำให้เราสามารถเอาสีน้ำมาเล่นได้มาก" 

 

อ. สมชาย เถาทอง

ด้าน สมชาย ศิลปินลำดับที่ 3 จากตระ *** ลเถาทอง เล่าถึงจุดเริ่มต้นความสนใจการทำงานศิลปะของเขาว่า เริ่มตั้งแต่ยังเป็นเด็กนอนเปลมีแม่ไกวให้ เหนือเปลมีรูปภูเขาห้อยอยู่
เด็กชายสมชายนอนเปลไกวไปใจก็มองรูปภูเขาแล้วตีความไปต่างๆ นานา เมื่อเข้าโรงเรียนเขาทำคะแนนได้ดีในวิชาเขียนรูป บรรยากาศการทำงานศิลปะในบ้าน ทำให้สี่พี่น้อง
ได้ทำงานร่วมกันและปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนความคิดความเห็นเกี่ยวกับการทำงานศิลปะมาโดยตลอด ซึ่งส่งให้เขาสนใจศึกษาศิลปะก่อนจะมาเป็นศิลปินอิสระจนกระทั่ง
ทุกวันนี้ที่เขาแน่วแน่กับการทำงานแกะหินมาต่อเนื่องกว่า 30 ปี 

"อยู่ที่บ้านเราเห็นพี่ปรีชา เห็นพี่สุชาติทำงานศิลปะ น้องชายก็มาเริ่มเขียนรูป สรุปแล้วเราสี่คนพี่น้องรู้สึกในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้สึก เราได้เปรียบตรงที่เราพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน
ตลอดในเรื่องศิลปะ แต่พอแต่ละคนเริ่มมีประสบการณ์ของตัวเองก็เริ่มหาแนวทางของตัวเองไป" 

แนวทางของสมชายคือการทำงานศิลปะแกะสลักหิน มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่วัยเด็ก จากบ้านริมทางรถไฟเขาต้องเดินเท้าเปล่าเลียบทางรถไฟไปโรงเรียน เหยียบย่ำไปบนหินปูทางรถไฟ
ก่อนที่เขาจะหยิบหินมานั่งดู นั่งวาด ลองเอาตะปูมาขูดหิน ก่อนที่วันหนึ่งการแกะสลักหินจะกลายเป็นงานและชีวิตจิตใจ 

"ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าตะปูมันสู้กับหินไม่ได้ หินก็ไม่ใช่หินสำหรับแกะ เรารู้แต่ว่าเราอยากจะแกะ ดูทีวีมีรายการเกี่ยวกับอาชีพก็คิดฝันว่าวันหนึ่งเราจะต้องมีอาชีพแกะหิน
แต่ก็มาเลือนๆ ไปตอนเข้าเพาะช่าง แต่พอมาอยู่ศิลปากรปี 1 ต้องไปศึกษาข้อมูลศิลปะตามที่ต่างๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งไปศึกษาข้อมูลในห้องอินเดียที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 
ปเจอพระพุทธรูปคุปตะ ความจำก็กลับมา ใจก็กลับมารู้สึกว่าจะต้องแกะหิน พยายามไปศึกษาเรื่องการแกะหิน หาโอกาสดูรุ่นพี่ๆ ที่ทำงานแกะหิน พอได้โอกาสได้แกะก็ไม่เคยหยุด
มาจนบัดนี้ 32 ปีแล้ว" สมชายเล่า 

เขาอธิบายถึงความหลงใหลในงานแกะสลักหินว่า "งานที่ยากมันมีคุณค่า มันวัดว่าเราแน่หรือเปล่า อยู่กับฝุ่น ความร้อน ยุง เราทนได้หรือเปล่า ทำพลาดครั้งเดียวก็ต้องเริ่มกับ
หินก้อนใหม่ มันท้าทาย ผมตั้งใจว่าจะทำให้หินมันเสียสภาพ คุณสมบัติของหินคือมันแข็ง เราต้องทำให้มันดูอ่อนนุ่ม มันหนัก เราต้องทำให้มันดูเบา มันนิ่ง เราต้องทำให้มัน
ดูเคลื่อนไหว เราต้องทำให้มันดูแล้วเสียสภาพไป พอเราชนะหินได้ เราบิดเรางอมันได้ เราก็จะเกิดความภาคภูมิใจ

 

อ. สุวิชาญ เถาทอง

ขณะที่ สุวิชาญ น้องคนสุดท้องในสี่เถาทอง เล่าถึงการเริ่มต้นเดินทางบนเส้นทางศิลปะของตนเองก่อนจะมาเป็นอาจารย์ประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาว่า
เกิดจากปัจจัยสองอย่าง คือ ความชอบ และการที่พี่ๆ ล้วนสนใจการทำงานศิลปะทำให้สามารถใช้อุปกรณ์ร่วมกันได้ ซึ่งทำให้เขาสนใจการทำงานศิลปะอย่างจริงจังมาตั้งแต่ต้น 

"ตอนอยู่ม.ศ.2 ฟิตมากเขียนดรออิ้งทุกวัน ไปเรียนกลับมาก็จะยืมวิทยุทรานซิสเตอร์ของแม่มาแล้วก็เร่งเขียนดรออิ้ง พี่ๆ บอกควรไปเข้าช่างศิลป์ กรมศิลปากร
พอเรียนปีสองก็ไปสอบเทียบม.ศ.8 แล้วไปเอนทรานซ์ได้ ก็เลยพยายามทำตัวเรียบร้อยเป็นเด็กดีโรงเรียนจะได้ส่งเทียบม.ศ.8 จะได้เอนทรานซ์เร็วขึ้น
เวลาเรียนก็พยายามแต่จะศึกษาว่าทำไมคนอื่นได้คะแนนดี ศึกษาเรื่องเส้น สี รูปทรง พื้นผิว น้ำหนัก ทำให้เกิดการสั่งสม จริงๆ แล้วผมไม่ได้เก่งกาจไรเหมือนพี่ๆ
ผมดูจะกระจอกที่สุด ศัพท์ที่คณะเรียกว่า กระรอกแทะที่สุดในพี่น้อง แต่อาศัยเป็นคนช่างสังเกตก็พยายามทำไป" 

ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ สุวิชาญยังคงแน่วแน่อยู่กับการทำงานศิลปะวาดเส้นหรือดรออิ้ง ซึ่งเขาเล่าว่าเป็นการทำงานที่ให้ความรู้สึกถึงความนิ่งและสมาธิ ความรู้สึกความสงบ
และสร้างความเข้าใจบางอย่างให้เกิดขึ้น 

"ผมคิดว่าการทำงานกับดินสอทำให้ไม่ต้องไปวุ่นวายกับสี ดินสอเป็นการทำงานศิลปะที่ง่าย เขียนไม่ดีก็ลบ ก็สะดวกดี แต่ผมก็คงไม่ติดกับการทำงานด้วยดินสอตลอดไป
เพราะถึงจะใช้แค่ดินสอก็ยังถือว่าเป็นการยึดติดกับอุปกรณ์อยู่ จริงๆ มันลึกกว่านั้น" 

 

 

ปล.ก็อบมานะจ๊ะ

 

เนื้อหาโดย: tisttii
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
tisttii's profile


โพสท์โดย: tisttii
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
28 VOTES (4/5 จาก 7 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ชาวเน็ตแห่แชร์ หนุ่มประกาศขายบ้านด่วน!..เหตุผลสุดอึ้งนี่เป็นรถไฟที่แย่ที่สุดในโลกหรือไม่? รีวิวรถไฟกัมพูชาเขมรดราม่า วิจารณ์กันเอง! หลังเห็นมังกรที่ทำขึ้นมา? ลั่น มังกรหรือหนอนน้ำ!😃เผยคำพูดปารีณา พูดกับเสรีพิศุทธ์ ในงานศwพ่อสาวแทบช็อก! เจอค่าไฟสุดโหด..เดือนเดียวพุ่ง 77 ล้านบาท"ใบเตย สุธีวัน" กลับสู่บ้านเดิม เซ็นสัญญาเข้าบ้าน "อาร์สยาม"ชาวเน็ตฮือฮา! ขายที่ดินพร้อมบ้าน 200 ล้าน ติดวิวสภาสัปปายะสภาสถานอะพอลโล 16 การลงจอดบนดวงจันทร์ครั้งที่ 5 ที่ประสบความสำเร็จในประวัติศาสตร์ของมนุษย์อวัยวะร่างกายกลัวอะไร
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เขมรคือต้นกำเนิด วัฒนธรรมของการกิน 'สุนัข' ?สาวแทบช็อก! เจอค่าไฟสุดโหด..เดือนเดียวพุ่ง 77 ล้านบาท"ใบเตย สุธีวัน" กลับสู่บ้านเดิม เซ็นสัญญาเข้าบ้าน "อาร์สยาม"5 สาเหตุ ที่คนแก่ยึดติดกับอะไรเดิม ๆ
ตั้งกระทู้ใหม่